รีวิว TIME LINE หนัง THE CLOVER FIELD

Hit movie

เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ม้ามืดอีกหนึ่งเรื่องสำหรับภาพยนตร์เรื่อง THE CLOVER FIELD ซึ่งสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้มักมีการถ่ายทำและการเก็บข้อมูลหนังของแต่ละโปรเจ็คต์ให้เป็นความลับไว้เสมอเพื่อความตื่นเต้นของคนดูตั้งแต่สมัยภาคแรกของภาพยนตร์นั้นก็คือในปี 2008 ซึ่งภาพยนตร์นั้นก็มาในรูปแบบสร้างความงง งวย ให้กับคนดู เป็นการทำภาพยนตร์ออกมาในรูปแบบของ Found Footage แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กับมีความลับที่ซ้อนอยู่ให้คนดูได้ลุ้นกันในภาคแรกนั้นมีการเปิดตัวภาพยนตร์ในแนวหนังสัตว์ประหลาดที่มีการตั้งกล้องที่ค่อนข้างสั่นไหวเป็นการเล่าเรื่องผ่านกล้องวิดีโอในช่วงเวลาที่มีสัตว์ประหลาดยักษ์มาบุกถล่มเมืองใครที่อ่อนไหวง่ายระวังจะมีอาการคลื่นไส้กันได้แต่ต้องบอกว่าความพิเศษของภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นคือการนำจุดเชื่อมโยงในภาพยนตร์มาทำเป็นภาคต่อที่เป็นจักรวาลเดียวกันได้ซึ่งมันจะถูกซ่อนอยู่ในฉากต่างๆของภาพยนตร์ทำให้เว็บไซต์ต่างๆและเหล่าแฟนๆถึงกลับมานั่งจับผิดหนังกันเลยทีเดียว

และมาถึงภาพยนตร์ในภาคที่สองซึ่งเป็นรูปแบบภาพยนตร์ในแนวไซไฟซึ่งในภาคนี้สร้างสีสันให้กับคนดูเป็นอย่างมาก ในปี 2016 กับภาพยนตร์ 10 Clover field Lane ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าในภาคสองนั้นเป็นการเปิดตัวออกมาชนิดที่ว่าแฟนคลับหลายคนต้องตกใจและไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียวซึ่งรูปแบบหนังไซไฟที่ได้กล่าวไปนั้นยังมีความเป็นภาพยนตร์จิตวิทยาแนวชวนขนหัวลุกอีกด้วยโดยเนื้อเรื่องที่ชวนกดดันของตัวละครกับความผิดปกติของมนุษย์ด้วยกันเองทำให้คนดูหลายๆคนแปลกใจกับภาพยนตร์ในภาคสองนี้แต่ก็อีกนั่นแหละจะให้เรียกว่าภาคต่อก็กระไรอยู่ เพราะจากที่ดูก็ยังไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าในภาคแรกนั้นได้เกิดขึ้นในช่วงในของไทม์ไลน์ภาคสองกันแน่ซึ่งเรื่องราวของภาพยนตร์ในปี 2018 นี้ จะเป็นเรื่องราวของหญิงสาวนางเอกของเรื่องที่อาศัยอยู่ในบังเกอร์หลบภัยใต้ดินก่อนที่เธอจะได้หนีเพื่อเอาตัวรอดแต่กับค้นพบความจริงที่น่าตกใจโดยที่เธอนั้นไม่รู้ถึงความน่ากลัวบางอย่างที่กำลังมาถึง

จนกระทั่งมาอย่างภาคล่าสุดในปี 2018 ภาพยนตร์ THE CLOVERFIELD PARADOX ก็ได้มีการถูกนำมาฉายทางออนไลน์อย่างใน Netflix ซึ่งเป็นการมาที่สร้างความแปลกใจให้กับแฟนคลับที่เคยดูในภาคก่อนๆอย่างมากซึ่งมีการพูดกันว่า จริงๆแล้วในภาคปี 2018 นี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับจักรวาลของหนังเรื่องนี้ที่มีมาตั้งแต่ต้น แต่ในการถ่ายทำนั้นมีการพยายามในการหาจุดเชื่อมโยงของภาพยนตร์ เพื่อให้ในภาคนี้สามารถจะเข้าเพื่อให้ในภาคนี้สามารถจะเข้าไปอยู่ในจักรวาลของหนังเรื่องนี้ที่ได้มีการปูเนื้อเรื่องมาตั้งแต่แรกได้อย่างแนบเนียนนั่นเองในภาคนี้นั้นเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของสถานีอวกาศที่ได้มีการทดลองเพื่อค้นหาพลังงานทดแทน เพื่อช่วยให้แก้ปัญหาและยับยั้งวิกฤตพลังงานให้แก่โลก ซึ่งเกิดความผิดพลาดขึ้นสถานีอวกาศได้ทะลุมิติมาสู่โลกเสมือนและอาจจะกลายเป็นที่มาของสัตว์ประหลาดในภาคปี 2008 อีกด้วย บรรยากาศของหนังให้ความรู้สึกที่ลึกลับและคาดเดาไม่ได้เลยว่าเนื้อเรื่องของภาพยนตร์และหลายสิ่งหลายอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวละครนั้นจะไปในทิศทางใดแต่ที่คาดเดาได้มีเพียงอย่างเดียวคือใครที่เป็นตัวเอกของเรื่องและจะอยู่รอดจนเป็นคนสุดท้าย หากให้ตอบตามความเป็นจริงก็ต้องบอกเลยว่าในภาคปี 2018 นี้ เนื้อหาของภาพยนตร์ธรรมดาไม่น่าตื่นเต้นเท่าในภาคก่อนหน้าที่ผ่านมาแต่ว่าก็เหมือนภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดประเด็นต่างๆเพิ่มขึ้นในจักรวาลของภาพยนตร์ THE CLOVERFIELD เพียงเท่านั้นแต่หลายคนนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไปสำหรับภาคใหม่ที่เข้ามาในช่วงปลายปี2021นี้อย่าง ภาคต่อ OVERLORD ซึ่งปรากฏว่าในภาคนี้นั้นเป็นภาพยนตร์ที่ยืนพื้นด้วยตัวของมันเองไม่มีความเกี่ยวข้องกับจักรวาลนี้เลย แต่ผู้กำกับอย่าง เจเจ อับรามส์ ก็มีการยืนยันว่าในภาค 4 นั้นจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน