รีวิวหนัง gemini man น่าเสียเงินดูหรือไม่

Hit movie

 

เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่ง ที่ได้นักแสดงผิวสีชื่อดังมาเป็นพระเอก ในภาพยนตร์สาย Action อย่าง Will Smithโดยเขารับบทเป็น Henry นักฆ่าฝีมือระดับพระกาฬ ซึ่งเขากลายมาเป็นเป้าหมาย รวมทั้งถูกไล่ล่าโดยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ โดยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการลับนั้น ก็วิเคราะห์ถึงการเคลื่อนไหวของเขาได้ทุกครั้ง

gemini man ตั้งความหวังไว้สูงมาก

สำหรับตัวอย่างของ gemini man นี้ ทำให้เกิดการตั้งความหวังเอาไว้ในระดับสูงมาก เพราะว่าน่าสนใจ อีกทั้งยังมีนักแสดงนำชื่อดัง จึงเป็นเครื่องการันตีอีกปัจจัยหนึ่งว่า น่าจะได้รับประสบความสำเร็จอย่างไม่ยากเย็นอะไรนัก แต่แล้วเมื่อนั่งดูจนจบด้วยความตั้งใจ ก็ปรากฏพบว่าน่าผิดหวังแบบสุดๆ! เพราะว่าเนื้อเรื่องแทบไม่มีอะไรเลย เรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นแนวบู๊ล้างผลาญ ที่ไม่มีเนื้อหาอะไรสอดแทรกเข้ามา ให้เกิดความจรรโลงใจเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจในเรื่อง gemini man ก็คือเหมือนกับคุณกำลังดูคนเล่นเกมอยู่ เพราะหลายฉากที่ได้พบเห็นนั้น มีความสวยงามเป็นอย่างสูง ส่วนสิ่งที่น่าตกใจอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิดอีกอย่าง ก็คือ เรื่องทักษะความสามารถของพระเอก เพราะในเรื่องนี้มีการปูกระเบื้องมาเป็นอย่างดีว่า พระเอกนั้นมีฝีมือระดับพระกาฬขนาดไหน แต่กลับแพ้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ บางเรื่องก็แลดูไม่สมเหตุสมผล กับสิ่งที่กล่าวไว้ในตอนต้น เมื่อชมไปจะทำให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่สิ่งหนึ่งเลยที่ต้องยอมรับในเรื่องของภาพที่เท่แบบสุดๆ ราวกับตั้งใจโชว์ด้านเทคนิคพิเศษอย่างเต็มที่เลยทีเดียว ในส่วนของ CG นั้น ก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมน่าดูชม โดยเฉพาะ CG ในการที่ย้อนวัยให้แก่ผิวของ Will เรียกว่าทำได้อย่างดีเยี่ยมมากๆ โดยรวมแล้วก็ถือว่าน่าสนใจ

ถ้าเน้นเนื้อเรื่องเข้าไปบ้าง ก็จะสนุกกว่านี้

ถ้า gemini man มีเนื้อเรื่องที่ดีกว่านี้ แล้วนำมาบวกกับ Action แนวบู๊ล้างผลาญ รวมทั้งการแสดงของเขาที่ของ Will ก็จะทำให้ gemini man เป็นภาพยนตร์ Action ที่สนุกสนานกว่านี้ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ด้วยความที่ในส่วนของเนื้อเรื่องแทบไม่มีอะไรให้ลุ้นระทึกน่าติดตามเลย อีกทั้งความยาวของหนังยังปาเข้าไปเกือบ 2 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็นความพยายามอย่างแท้จริง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ถ้าจะมีใครวูบหลับในส่วนนั้นก็ไม่แปลกใจเลย

สรุปข้อดี

  • งานภาพสวย คมชัดมาก
  • แลดูมีมิติ เหมือนทะลุออกมาจากหน้าจอเลย
  • ถ่ายทำแบบ HFR 120เฟรม/วิ 4K และ 3D+
  • ฉาก Action มันส์ ตื่นเต้น อีกทั้งยังสนุกสนาน แต่ใส่มาน้อยไปเสียหน่อย โดยเน้นฉากธรรมดาๆ เพราะมีบทสนทนากันเสียเยอะเกิน มีความน่ารำคาญมาก
  • ฉากที่ลุ้นๆ และสนุกมากจริงๆ ก็คือ ฉากขับรถมอไซต์รวมทั้งและฉากตอนใกล้จบ

 

สรุปข้อเสีย

  • บทภาพยนตร์ธรรมดาไปมาก มีฉากสนทนาค่อนข้างเยอะ ทำให้เนื้อหาแทบไม่มีอะไรเลย
  • ภาพยนตร์พยายามสร้างตัวละครเยอะมาก หากแต่ส่วนใหญ่แล้ว จะมีเพียงแค่ชื่อ แต่ก็แทบไม่มีบทบาทอะไรเกี่ยวกับหนังอะไรมากนัก อีกทั้งยังออกมาเพียงแค่ไม่กี่ซีนเท่านั้น ขนาดตัวร้ายอันสุดน่ายำเกรงก็ยังมีซีนน้อยมาก
  • ช่วงต้นเรื่องเปิดขึ้นมาได้แบบมีความน่าเบื่อมาก อีกทั้งยังมีความไม่น่าสนใจเท่าไหร่ เท่านั้นยังไม่พอ ฉากต่อมาก็ยังคงคุยกันอยู่ ไร้การเกริ่นนำใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการนำเสนออันใดทิ้งสิ้นว่ามีแนวทางอย่างไร ผู้ชมจะได้โฟกัสไปกับภาพยนตร์ได้ถูก
  • ภาพยนตร์ไม่ค่อยมีจุดให้โฟกัสเสียเท่าไหร่ อีกทั้งยังมีการดำเนินเรื่องเรียบง่ายจนเกินไป ทำให้ไม่อาจดึงอารมณ์ให้ผู้ชมได้อิน และไม่เกิดความคล้อยตามไปกับภาพยนตร์มากเท่าไหร่นัก