รีวิวปล้นระห่ำ ฉุกเฉินระทึก หนังโครตมันส์แห่งปี 2022

Hit movie

นี่เป็นการกลับมาอีกครั้งของเจ้าพ่อหนังแอคชั่นมันส์ระห่ำ“ไมเคิล เบย์” ที่คราวนี้เขาได้เอาหนังระทึกขวัญต้นฉบับมาจากเดนมาร์กมาเริ่มทำใหม่อีกครั้งด้วยงานสร้างระดับหนังฮอลลีวูด กลายเป็นหนัง “Ambulance” ปล้นระห่ำ ฉุกเฉินระทึก เป็นหนังโจรกรรมไล่ล่าแบบสุดเดือดไปทั้งนครแอลเอ ที่ใส่ความมันส์แบบไม่มียั้งแบบนาทีต่อนาที กลายเป็นความรู้สึกเหนื่อยกับการไล่ล่าไล่ตาม ก่อนจะค่อยๆ รู้สึกเคลิ้มหลับไปเสียอย่างงั้น

หนังเรื่องนี้ได้ทำการเล่าเรื่องราวของ วิล ชาร์ป ทหารผ่านศึกผู้ที่ได้รับการประดับเหรียญเกียรติยศ กำลังหมดหวังกับการหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลของภรรยาของเขา เขาจึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่รู้จัก แต่เขานั้นไม่ควรที่จะติดต่อเลย นั่นคือ แดนนี่ น้องชายบุญธรรมของเขาเอง แดนนี่เป็นอาชญากรมืออาชีพ ผู้มีเสน่ห์ดึงดูดใจ แต่แดนนี่กลับยื่นข้อเสนอ ให้เขามาร่วมมือกันที่จะปล้นธนาคาร ซึ่งนับว่าครั้งเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองแอลเอด้วยเดิมพัน 32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้วิลที่กำลังจนปัญญาที่จะหาเงินไม่มีทางเลือกหรือจะปฏิเสธน้อง และเพื่อภรรยาของเขาเองเขาจึงเข้าร่วมภารกิจที่เสี่ยงชีวิตเสี่ยงคุกตารางมากๆ

แต่เมื่อการหลบหนีของพวกเขาผิดพลาด สองพี่น้องที่ดูจะสิ้นหวังก็ได้จี้เอารถพยาบาล ที่มีตำรวจได้รับบาดเจ็บปางตายติดอยู่ในรถด้วย และแคม ธอมสัน เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน กำลังทำหน้าที่ประจำการอยู่ ในการไล่ล่าด้วยความเร็วสูงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง วิลและแดนนี่ต้องหลบเลี่ยงการตอบโต้ของหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย เพื่อรักษาตัวประกันให้รอดชีวิต และพยายามอย่าฆ่ากันซะเอง นี่คือปฏิบัติการการหลบหนีที่ใหญ่ที่สุดในแอลเอเท่าที่เคยมีมา

อย่างไรก็ตามไม่มีใครเปลี่ยนแนวทางเรื่องหนังของไมเคิล เบย์ได้ เอกลักษณ์ลายเส้นของเขาก็ยังถูกนำมาใส่แบบล้นหลาม เยอะแยะไปทั้งหนัง คุณจะสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นของ ไมเคิล เบย์ ไม่ว่าจะเป็นไฮไลต์ที่เห็นแทบทุกเรื่อง อย่างการจัดแสงแฟลร์ ภาพโคลสอัพนักแสดง และมุมภาพที่หมุนไปมา ที่ในหนังเรื่องนี้หมุนหนักกว่าเรื่องไหนๆ เพราะป๋าไมเคิล เขาดันเอากล้องโดรนมาช่วยถ่ายทำในหนังทำให้มุมกล้องหมุนได้แบบไร้ข้อจำกัด ผลที่ได้คือถ้าใครมีอาการเมาง่ายอาจจะอ้วกออกมาเลยก็ได้ ใครที่ดูในโรงหนังหรือกินอะไรมาอิ่มๆ รอให้ย่อยเสียก่อนไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน แต่ก็ตามที่ไมเคิล เบย์ เขาต้องการแหละ เทคนิคการสร้างหนังที่เป็นรูปแบบเดิมๆ ที่มันไม่มีอะไรใหม่เลย คือถ้าใครเคยติดตามผลงานของป๋าเบย์ก็คงไม่ต้องหาชื่อว่าใครทำหนัง จำกันได้อยู่แล้ว แต่เรื่องหรือโครงสร้างของหนังมีหัวใจสำคัญอย่างเด่นชัด แม้ว่าบทหนังที่ถูกเอามาดัดแปลงในครั้งนี้มันออกไปทางมั่วสะเปะสะปะสักหน่อย แต่ก็ยังเป็นโครงเรื่องที่พยุงอารมณ์หนังไปได้จนจบเรื่อง หนังเรื่องนี้ของป๋าเบย์ มีความยืดเย้อจนเกินความจำเป็น ที่มักจะเห็นได้จากผลงานเก่าๆของแก หนังเรื่องนี้ใส่มากันแบบไม่มียั้งด้วยความนานของหนังที่ 2 ชั่วโมงนิดๆ ทั้งที่ต้นฉบับของหนังเรื่องนี้มีความยาวเพียงแค่ 80 นาที เท่านั้น การนำมาขยายเนื้อเรื่องให้ดูยืดยาวแต่ดูใส่รายละเอียดนั้นของป๋าเบย์อาจจะดูเกินเบอร์เกินไปหน่อย เป็นจุดที่ฉุดหนังให้ออกนอกทางไปอยู่หลายรอบ โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ ที่คนดูก็ลุ้นจนไม่รู้จะลุ้นยังไงแล้วจนเริ่มรู้สึกไม่สนุกเบื่อหน่ายบางคนนี้ถึงกับหลับคาจอกันเลย(เมื่อไหร่จะจบ)

Ambulance ทำการปูเนื้อเรื่องมาประมาณ 30 นาที ก็ดูจะยืดเยื้อเกือบจะไม่น่าสนใจแล้ว แต่มันก็เหมือนกับว่าเครื่องเริ่มร้อน ความมันส์ของหนังก็ร้อนตามเครื่องไปด้วยในช่วงที่ลุ้นระทึกที่สนุกก็สนุกจริงๆ เสียแค่ยืดตัวหนังนานไปหน่อยเท่านั้นเอง อย่างฉากไล่ล่าโจรอะไรแบบนี้ จะไม่ใช่ฉากใหม่สามารถเดาทางหนังได้ แต่จังหวะภาพและองค์ประกอบอื่นๆ ที่หนังได้ทำการใส่เข้ามาค่อนข้างลงรอยก็ถือว่าช่วยบิ้วท์อารมณ์หนังทั้งหมดไปได้ด้วยดี ส่วนทางด้านการแสดงที่ต้องบอกเลยว่า เราได้ดาราระดับตัวท็อปมาประดับในเรื่องทั้งนั้นเลย นักแสดงทุกคนได้ทำการถ่ายทอดบทบาทของตัวเองออกมาได้น่าประทับใจ หนังได้ใช้งานเขาอย่างคุ้มค่ามาก แต่หนังพลาดที่บางทีตัวละครบางตัวดันให้บทบาทน้อยเกินไป กลายเป็นว่าแต่ละคาแรกเตอร์ได้ดำเนินไปอย่างพื้นๆ ธรรมดาๆ ยังไม่ได้ลงรายละเอียดของความคิดของตัวละครหรืออินเนอร์ ของตัวนั้นๆได้ไม่ลึกเท่าไหร่